มูลนิธิรามาธิบดี | เสียงจากใจผู้รับ

จากความหวัง สู่ความฝัน...หลังได้ชีวิตใหม่ที่รามา!

“พายุลูกใหญ่ !! ...ก่อตัวขึ้น”
คุณธนาเดช เขียวแก้ว หรือ อัน เติบโตมาในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม พ่อแม่รับราชการเป็นครู อันเป็นลูกชายคนเล็กสุดในจำนวนพี่น้อง 3 คน อันเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำว่า ตั้งแต่ตนจำความได้ ความเจ็บป่วยก็ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก เมื่อย้อนไปในวัย 2 ขวบ แม่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติที่มีอาการตัวซีดเหลือง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปัสสาวะสีเข้ม ตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด แม่จึงพาอันไปพบแพทย์ ที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ ผลปรากฏว่าอันป่วยเป็นโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย หรือโรคโลหิตจางเรื้อรังทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของยีนส์ที่ควบคุมการสร้างสายโกลบินซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง พอทราบเช่นนี้แล้วจากครอบครัวที่เคยมีความสุข กลายเป็นความทุกข์ ความกังวลเข้ามาแทนที่

 

“เชื่อมั่นว่า ...ฟ้าหลังฝน ย่อมสวยงามเสมอ”

อันเข้าเรียนในโรงเรียนได้ตามปกติ แต่พอถึงวิชาพละศึกษาทีไร จะไม่สามารถทำกิจกรรมเหมือนเพื่อนๆ ได้เลยเพราะจะเหนื่อยมาก บ่อยครั้งรู้สึกน้อยใจในชะตาชีวิตที่ร่างการไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มยอมรับ และเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และด้วยความหวังที่อยากให้ลูกชายหายเป็นปกติ แม่ซึ่งรับราชการเป็นครู เดิมทีไม่มีความรู้เรื่องโรคนี้เลย ก็เริ่มค้นคว้าหาข้อมูล ช่วงแรกอันเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมาก มีค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่นั่นยังไม่เท่ากับความเจ็บปวดทรมานของพ่อแม่ เมื่อต้องเห็นลูกที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ร้องไห้มานับครั้งไม่ถ้วน เมื่ออันอายุ 17 ปี กำลังเรียนชั้นมัธยมปลายพบข้อมูลว่ามีอยู่วิธีเดียวที่จะทำให้ลูกชายหายได้นั่นคือ “การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด”  หรือ “การปลูกถ่ายไขกระดูก” เป็นการรักษาโดยการนำเอาเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดของผู้อื่น มาใช้รักษาโรคต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องมาจากพี่น้องที่มีเนื้อเยื่อเข้ากัน ซึ่งโชคดีมากที่เนื้อเยื่อของอัน ตรงกับพี่ชายคนโตพอดี แม่ตัดสินใจพาอันมารักษาที่โรงพยาบาล เพราะมีเพื่อนแนะนำ และทราบว่าหมอที่นี่เก่ง นั่นหมายถึงอันจะต้องหยุดเรียน 1 ปีเต็ม เพราะต้องเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการปลูกถ่ายไขกระดูก  “ตอนนั้นผมเสียใจมากที่ต้องหยุดเรียน แต่สุดท้ายผมก็เข้าใจ และต้องยอมรับมันให้ได้” 

 

ตลอดระยะเวลา 1 เดือน กับวิธีการรักษาโดยการให้ยาเคมีบำบัดในปริมาณสูง เพื่อทำลายเซลล์ ไขกระดูกเดิมที่มีความผิดปกติ  และเตรียมร่างกายให้มีความพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดผ่านทางหลอดเลือด และการใส่สายสวนหลอดเลือดดำใหญ่ส่วนกลางเพื่อความสะดวกในการดูดเลือดไปตรวจได้ทุกวันโดยไม่ต้องเจาะแขน   ทำให้ผู้ป่วยที่มีสายระโยงระยางติดอยู่ที่หน้าอก เป็นสภาพที่ทรมานมากกับการที่ต้องเข้า-ออก โรงพยาบาลรามาธิบดี...1 ปี หลังจากที่อาการดีขึ้น จึงได้กลับมาศึกษาต่อจนจบระดับปริญญาตรี ทุกวันนี้อันยังต้องมาพบหมอทุกๆ 3 เดือน แต่ผลการตรวจก็ผ่านไปด้วยดี อันและครอบครัวเชื่อมั่นว่าฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ

 

“ด้วยความตั้งใจที่จะทำงาน ช่วยเหลือสังคม”

หลังจากได้ชีวิตใหม่ จึงได้ทำตามฝันที่ตั้งใจว่าอยากช่วยเหลือสังคม ให้ความรู้ด้านสุขภาพ อันในวัย 24 ปี จึงได้สอบเป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ กำลังจะได้บรรจุเป็นข้าราชการครูประจำที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น และคำตอบทิ้งท้ายที่น่าจะเป็นอีกกำลังใจกับผู้ที่กำลังต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพคนอื่นๆ ได้ “ต้องขอบคุณทุกโรคภัยที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ และต่อสู้กับมัน ผมได้รับกำลังใจจากครอบครัวอย่างเต็มเปี่ยม ผมท้อไม่ได้ วันนี้ผมจะสู้เพื่อครอบครัวครับ”

 

รามาฯ ปลูกถ่ายไขกระดูกในผู้ใหญ่เคสแรกในประเทศไทย

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มปลูกถ่ายไขกระดูกให้แก่ผู้ป่วยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 จนถึงวันนี้มีผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกแล้วมากกว่า 500 ราย โดยใช้ไขกระดูกของตนเองและจากบุคคลอื่น เช่น พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน จากบิดามารดา หรือจากผู้บริจาคจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการปลูกถ่ายไขกระดูกสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้อีกมาก อาทิ มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังและเฉียบพลัน โลหิตจางธาลัสซีเมีย ไขกระดูกฝ่อ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเนื้องอกชนิดต่างๆ มะเร็งเม็ดเลือดชนิดมัลติเพิลมัยอิโลม่า โรคพันธุกรรมแต่กำเนิดต่างๆ

ปกติแล้วการปลูกถ่ายไขกระดูกจะทำให้เฉพาะผู้ป่วยเด็ก เพราะเคสผู้ใหญ่นั้นมีความเสี่ยงสูงมาก  แต่แม้ว่าอันจะเริ่มรักษาเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ด้วยอายุ 17 ปีก็ตาม คุณหมอที่โรงพยาบาลรามาธิบดีตัดสินใจปลูกถ่ายไขกระดูกให้ ด้วยความมั่นใจในทีมแพทย์พยาบาลผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ประกอบกับเครื่องมืออันทันสมัยของรามาธิบดี 

 

ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นการปลูกถ่ายไขกระดูกให้แก่ผู้ใหญ่สำเร็จเป็นเคสแรกในประเทศไทย!

สิ่งที่หลายคนไม่ทราบเกี่ยวการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดอีกเรื่อง คือจำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมากตั้งแต่การรักษาไปจนถึงการดูแลรักษาหลังจากปลูกถ่าย จนกว่าผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นตามลำดับ ไม่ใช่แค่เคสของคุณอัน แต่ยังหมายถึงผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และผู้ป่วยอาการซ้ำซ้อนที่รอโอกาสได้ทำตามฝันอีกครั้ง

เพื่อสร้างโอกาสในการรักษาให้กับผู้ป่วย เราขอเชิญคุณร่วมบริจาคในโครงการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด โดยสามารถบริจาคผ่านบัญชีมูลนิธิรามาธิบดีฯ ที่

ธ.ไทยพาณิชย์ 026-4-26671-5

ธ.กสิกรไทย 879-2-00448-3

ธ.กรุงเทพ 090-7-00123-4

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2201 1111  www.ramafoundation.or.th

 

#คำว่าให้ไม่สิ้นสุด 

#ramafoundation

เราใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และการใช้งานของเว็บไซต์ อ่านเพิ่มเติม